botox
โบท็อกซ์ (Botox) ย่อมาจาก Botulinum toxin

การรักษาที่นิยมใช้เพื่อลดริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า เป็นการใช้สาร Botulinum toxin แม้ว่าคุณสมบัติของโบท็อกซ์มีการนำไปใช้ในงานทางการแพทย์ที่หลากหลาย แต่ในบทความนี้เราจะมุ่งเน้นไปที่การใช้โบท็อกซ์เพื่อความงาม

โบท็อกซ์ ทำงานอย่างไร?

โบท็อกซ์ทำงานโดยการทำให้กล้ามเนื้อที่เป็นสาเหตุของริ้วรอยบนใบหน้าอ่อนตัวลง โดยยับยั้งการส่งกระแสประสาทชั่วคราวไม่ให้กล้ามเนื้อหดตัว ทำให้ริ้วรอยจางลงและสังเกตได้น้อยลง โดยการฉีดโบท็อกซ์จำนวนเล็กน้อยเข้าไปในกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน ใช้ระยะเวลาเพียง 10-15 นาที โดยไม่ต้องดมยาสลบ ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้ประมาณ 3-6 เดือน หลังจากนั้นสามารถฉีดซ้ำ

โบท็อกซ์ ฉีดตรงไหนได้บ้าง ?

โบท็อกซ์มักใช้เพื่อรักษารอยย่นบนหน้าผาก รอบดวงตา (ตีนกา) และหว่างคิ้ว (รอยขมวดคิ้ว) นอกจากนี้ยังสามารถใช้กับบริเวณอื่นๆ ของใบหน้า เช่น มุมปาก คาง และกราม

ประโยชน์ของโบท็อกซ์

ประโยชน์หลักของโบท็อกซ์คือความสามารถในการลดเลือนริ้วและรอยเหี่ยวย่น อย่างไรก็ตาม มันยังมีประโยชน์อื่นๆ อีกมากมาย ได้แก่:

  1. ปลอดภัย (Non-invasive): การฉีดโบท็อกซ์ไม่จำเป็นต้องมีการผ่าตัดหรือการกรีด เป็นเวชปฏิบัติที่มีความปลอดภัยสูงแทบไม่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายต่อผู้ป่วย
  2. สะดวกรวดเร็ว (Quick and Convenient): การฉีดโบท็อกซ์ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการทำหัตถการและไม่ต้องดมยาสลบ ผู้ป่วยสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้ทันทีหลังทำ
  3. ผลลัพธ์ที่คงอยู่ยาวนาน (Long-lasting Results):การฉีดโบท็อกซ์จะเป็นการทำหัตถการที่รวดเร็ว และสามารถคงอยู่ได้นานหลายเดือน ซึ่งหมายความว่าผู้ป่วยไม่ต้องเข้ารับการรักษาบ่อยครั้ง
  4. อเนกประสงค์ (Versatile): โบท็อกซ์สามารถใช้เพื่อจัดการกับข้อกังวลต่างๆ บนร่างกายได้หลายจุด ไม่ว่าจะเป็นการปรับรูปใบหน้าให้เล็กลง การจัดการกับริ้วรอย รอยย่น และยังสามารถลดเหงื่อบนร่างกายได้อีกด้วย

ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและผลข้างเคียง

แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วโบท็อกซ์จะถือว่าปลอดภัย แต่ก็มีความเสี่ยงและผลข้างเคียงบางอย่างที่ต้องระวัง คือ:

  1. รอยช้ำ(Bruising): ผู้ป่วยอาจมีรอยช้ำหรือบวมบริเวณที่ฉีดยา แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วอาการนี้จะหายไปภายในสองสามวัน
  2.  ปวดศีรษะ (Headache): ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดศีรษะหลังจากได้รับการฉีดโบท็อกซ์
  3. เปลือกตาหย่อนคล้อย (drooping Eyelids): ในบางกรณี โบท็อกซ์อาจทำให้เปลือกตาหย่อนคล้อยได้ ซึ่งโดยปกติจะแก้ไขได้ภายในสองสามสัปดาห์
  4. อาการแพ้ (Allergic Reaction): ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการแพ้โบท็อกซ์ รวมถึงอาการคัน ผื่น หรือหายใจลำบาก

โบท็อกซ์เป็นวิธีการรักษาทางด้านความงามที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพที่สามารถช่วยลดริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า แม้ว่าจะมีความเสี่ยงและผลข้างเคียงอยู่บ้าง แต่โดยทั่วไปจะไม่รุนแรงและเกิดขึ้นชั่วคราว หากคุณกำลังพิจารณาโบท็อกซ์ สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษาแพทย์ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเพื่อพิจารณาว่าเหมาะกับคุณหรือไม่

Cr. https://www.medicalnewstoday.com/articles/158647

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

เยี่ยมชมเว็บไซต์
พบกับเราได้ที่

พิมพ์ลดาคลินิก (Pimlada Clinic)

บ้านเลขที่ 449/5 หมู่ 7
ซอยพิมานคอนโด
ต.ศิลา อ.เมือง จ.แขนแก่น 40000

(หลังมอ ข้างร้านโชคดีหม้อไฟ)

วันและเวลาให้บริการ

  • จันทร์-ศุกร์ 16:00 – 20:00
  • เสาร์-อาทิตย์ 13:00 - 20:00
© 2023 Pimlada Clinic, All Rights Reserved